อันยองครับน้องๆ ช่วงนี้มีใครกำลังเรียนภาษาต่างประเทศกันอยู่มั้ย? วันนี้พี่มีเคล็ดลับดีๆ จากเหล่าไอดอลแทกุกไลน์มาฝากให้น้องๆ นำไปปรับใช้เพื่ออัปสกิลตัวเองกัน จะมีคำแนะนำดีๆ จากเมนใครบ้าง ตามมากันเล้ยย!
……………
“ผมยังคงเรียนรู้อยู่ ผมไม่ได้รู้ทุกอย่าง”
– แบมแบม GOT7

เริ่มที่ ‘แบมแบม‘ ไอดอลหนุ่มมากความสามารถจากวง GOT7 ซึ่งเคยพูดถึงประเด็นการเรียนภาษาของตัวเองในรายการ Loukgolf’s English Room (2018) ไว้ว่า “นอกจากภาษาไทยแล้ว ผมรู้ภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ และผมก็เคยเรียนภาษาจีนตอนเด็กมาก่อน และก็รู้ภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะไว้ใช้สื่อสารตอนเล่นคอนเสิร์ต“
และเมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นในการเรียนภาษาเกาหลี แบมแบมได้เล่าว่า “ตอนผมไปเกาหลี (ปี 2010) ช่วง 3 เดือนแรกผมจะมีล่ามคอยช่วยแปลให้ แต่หลังจากนั้นก็ต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าช่วงที่ไม่มีล่ามนี่แหละคือช่วงที่ผมพัฒนาได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม“
“พออยู่ที่เกาหลีมา 2 ปี ผมก็เข้าใจในสิ่งที่คนเขาพูดกันได้มากขึ้น แม้ว่าตอนนั้นอาจจะยังพูดไม่คล่องมาก แต่หลังจากที่ได้เดบิวต์ผมก็ได้เจอผู้คนมากมาย ได้ไปออกรายการต่างๆ ก็เลยได้เรียนรู้คำศัพท์ที่คนเกาหลีเค้าใช้กันจริงๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่ได้มีสอนในหนังสือ เช่น พวกคำสแลงต่างๆ แล้วผมก็ค่อยๆ เรียนรู้และพัฒนามมากขึ้น ก็ใช้เวลาประมาณ 4 ปีเลยครับถึงจะเข้าใจภาษาเกาหลีได้ดี”

นอกจากนี้ภาษาเกาหลีแล้ว แฟนคลับหลายคนคงทราบกันดีกว่าสกิลภาษาอังกฤษของแบมแบมนั้นก็เป๊ะปังไม่น้อยไปกว่ากันเลย “ผมยังคงเรียนรู้อยู่ ผมไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ผมก็รู้สึกว่าภาษาอังกฤษของตัวเองดีขึ้นก็ตอนที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น ซึ่งเพื่อนส่วนใหญ่มาจาก LA ก็เลยได้คุยมากขึ้นครับ และนั่นก็ทำให้ภาษาอังกฤษของผมพัฒนามากขึ้นไปด้วย“
อีกอย่างที่เห็นได้ชัดทุกครั้งเวลาที่แบมพูดภาษาอังกฤษก็คือ ความมั่นใจในการสื่อสารออกมานั่นเอง ซึ่งนี่แหละถือว่าเป็นอีกตัวอย่างที่คนเรียนภาษาควรมีเอาไว้เลย เพราะยิ่งเรากล้าใช้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เราสื่อสารได้ดีมากขึ้นไปอีก
“ถ้าคุณอยากลองทำอะไรสักอย่าง ก็จงพยายามทำมันให้ได้ ลองดูสักตั้ง ลองทำอะไรใหม่ๆ และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าสิ่งที่คุณทำมันไม่ได้ผิดเลย และการเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” – แบมแบม GOT7
“ผิดพลาดบ้างเพื่อที่จะได้เรียนรู้”
– มินนี่ (G)I-DLE

ถัดมาที่ไอดอลสาวไทยเมนโวคอลสุดปังแห่งวง (G)I-DLE กันบ้าง ‘มินนี่‘ ก็เป็นอีกคนที่มีชื่อเสียงเรื่องความสามารถทางภาษาจนหลายคนเรียกว่าเป็น Polyglot (อัจฉริยะทางภาษา) เพราะเธอพูดได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น แถมเธอยังมีความสนใจที่จะเรียนภาษาบาฮาซา (ภาษาในอินโดนีเซีย) ในอนาคตอีกด้วย
หากใครได้ติดตามไลฟ์ของมินนี่ จะเห็นว่าเธอถูกแฟนคลับถามอยู่ตลอดๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับในการเรียนภาษาเกาหลีซึ่งมินนี่เองก็ได้ตอบว่า “ฉันมาเกาหลีและก็ได้เริ่มเรียนภาษาที่นี่ ฉันคิดว่าการพูดคุยกับเจ้าของภาษา คือ วิธีฝึกฝนที่ดีที่สุดค่ะ ในตอนแรกฉันพูดภาษาเกาหลีไม่คล่องเลย และก็กลัวว่าจะพูดผิดไปก็เลยเลือกที่จะไม่คุยเลย และก็มีคนมาบอกว่าทำไมถึงไม่พูดภาษาเกาหลีเลยล่ะ เธอต้องพัฒนาเร็วๆ แล้วนะ ดังนั้น ฉันก็เลยเรียนภาษาหนักมากๆ และฉันก็ดูวิดีโอต่างๆ เยอะมาก”

มีอยู่ครั้งนึงมินนี่ไลฟ์และโชว์หนังสือภาษาเกาหลีที่เธอเคยเรียนรวมถึงสมุดโน้ต 6 เล่มที่เคยจำไว้ หน้าปกเขียนว่า Minnie’s Korean Book ไล่จากเล่ม 1 ถึง 6 และเธอบอกกับแฟนคลับว่า “ในตอนแรกฉันไม่รู้คำภาษาเกาหลีสักคำจริงๆ นะคะ ดังนั้นอีกเคล็ดลับก็คือ เวลาที่เจอคำศัพท์ที่จำไม่ได้จริงๆ ก็จะจดลิสต์ไว้เลยค่ะ”
“สำหรับฉัน วิธีที่ดีที่สุดจริงๆ ก็คือฝึกพูดคุยกับคนอื่นค่ะ คุณต้องทลายกำแพงความกลัว ต้องพยายามมากๆ และก็ต้องลองทำผิดพลาดดูบ้างเพื่อที่จะได้เรียนรู้ ลองพูดดูค่ะ ถ้ามันผิดพลาดนั่นก็เหมือนเป็นบทเรียนของเรา ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมชาติ” – มินนี่ (G)I-DLE
“หา Topic เพื่อฝึกพูดทุกวัน”
– เตนล์ NCT / WayV

ถัดมาที่อีกไอดอลหนุ่มไทยความสามารถครบเครื่องอย่าง ‘เตนล์‘ แห่งวง NCT และ WayV ที่มีผลงานเพลงทั้งในเกาหลี จีนและอเมริกา ดังนั้นสกิลเรื่องภาษาต่างๆ ของเค้าเรียกว่าเป๊ะปังสุดๆ แต่อย่างไรก็ตามกว่าจะสื่อสารได้แต่ละภาษา เตนล์เองก็ต้องฝึกฝนและเรียนรู้อย่างหนักเช่นกัน
ซึ่งวิธีในการเรียนภาษาของเค้าก็มีหลายวิธีที่น้องๆ สามารถจดไปทำตามกันได้ เช่น เวลาเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จัก เตนล์ก็จะเปิดค้นหาใน Dictionary เดี๋ยวนั้นเลย แต่แค่เสิร์ชหาความหมายก็อาจไม่ช่วยให้จำได้เสมอไป ดังนั้น หนุ่มเตนล์เลยกดแคปเจอร์หน้าจอคำศัพท์ที่หาระหว่างวันแล้วนำมาท่องทุกคืนก่อนนอน และเมื่อทำแบบนี้เรื่อยๆ ก็จะทำให้เราค่อยๆ ซึมซับและเพิ่มคลังศัพท์ได้เพียบ แถมยังเป็นการฝึกวินัยไปในตัวอีกด้วย

และเช่นเดียวกับทั้งแบมแบมและมินนี่ อีกวิธีที่ทำให้เตนล์อัปสกิลภาษาได้เร็วขึ้นก็คือ การพูดคุยกับเจ้าของภาษา ซึ่งเตนล์มักบอกว่าเพื่อนๆ ในวงนั้นมีส่วนช่วยในการเรียนภาษามากๆ เพราะนอกจากจะคอยให้คำแนะนำแล้ว พวกเขายังคอยตั้ง Topic ทุกวันเพื่อเปิดพื้นที่ให้ฝึกสนทนาจริงๆ และยังคอยช่วยทดสอบคำศัพท์ที่ได้เรียนอยู่เสมออีกด้วย
ดังนั้น หากน้องๆ คนไหนเรียนภาษาอยู่ลองนำวิธีนี้ไปใช้กันได้นะ หรือถ้าใครไม่มีคู่สนทนาจริงๆ ก็อาจจะลองตั้งหัวข้อให้กับตัวเองในแต่ละวัน และฝึกพูดหน้ากระจกดูก็ได้เหมือนกัน แม้ว่าอาจจะไม่ได้ถูกต้องแบบเป๊ะๆ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เรากล้าพูดและได้ฝึกใช้จริงๆ 🙂
“ฉันเก่งภาษาเพราะดูละครค่ะ”
– ลิซ่า BLACKPINK

ปิดท้ายที่ ‘ลิซ่า‘ แห่งวง BLACKPINK ไอดอลสาวไทยที่โด่งดังไกลระดับโลก และมีความเชี่ยวชาญทั้งภาษาอังกฤษภาษาเกาหลี รวมถึงกำลังเรียนภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้เธอเองก็ต้องผ่านการแข่งขันและฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง และในเรื่องของภาษาเกาหลีก็ต้องบอกเลยว่าเธอนั้นเริ่มจากศูนย์จริงๆ
“ตอนแรกฉันพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลย (ปี 2011) มันน่าหงุดหงิดมากๆ ที่ฉันไม่สามารถสื่อสารได้ ดังนั้น ฉันจึงมักได้รับบทเรียนภาษาเกาหลีทุกวัน แต่เพื่อนๆ ในวงก็คอยช่วยฉันได้เยอะมากๆ”

ล่าสุด Rolling Stone ได้สัมภาษณ์ลิซ่าและถามว่าเธอมีเคล็ดลับในการเรียนภาษาอย่างไรให้รวดเร็วแบบนี้? โดยลิซ่าได้ตอบว่า “ตอนที่ฉันมาเกาหลีครั้งแรก ครูของฉันไม่อยากให้พูดภาษาอังกฤษเลย อย่างในช่วงชั่วโมงเรียนเราจะพูดแค่ภาษาเกาหลีเท่านั้น ซึ่งเหมือนเป็นการบังคับให้ฉันได้ออกจาก comfort zone ไปในตัว ตอนนั้นคือมันยากมากจริงๆ แต่ก็ต้องขอบคุณวิธีที่เคร่งครัดของคุณครู เพราะว่าทำให้เรียนภาษาได้เร็วขึ้นและได้ผลจริงๆ ค่ะ“
ส่วนอีกวิธีที่ทำให้เธอนั้นเรียนภาษาเกาหลีได้ดี เป็นเพราะว่าลิซ่านั้นชอบดูละครเกาหลีมากกก และยิ่งดูมากเท่าไหร่ก็ค่อยๆ ซึมซับและนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวันได้

ทำไมถึงเรียนภาษาเกาหลีได้เร็วขนาดนี้?
Lisa: “ฉันชอบดูละครค่ะ ฉันดูซีรีส์เกาหลีเยอะมากๆ
ฉันดูเรื่อง Goblin กับโรเซ่ และฉันก็ชอบคุณกงยูมากๆ และอยากถ่ายรูปกับพี่เค้าค่ะ”
………………..
ต้องบอกว่าแต่ละวิธีเรียนภาษาของเหล่าไอดอลแทกุกไลน์นั้นมีประโยชน์มากๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการเรียนภาษาที่เหมือนกันบ้างและก็อาจแตกต่างกันออกไป น้องๆ คนไหนที่กำลังเรียนหรือฝึกภาษาอะไรอยู่ก็อย่าลืมจดไปทำตามกันได้นะ ลองหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองกันดูนะครับ และที่สำคัญคือ อย่าลืมฝึกใช้ฝึกพูดบ่อยๆ ด้วยนะ ^^
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก WWW.DEK-D.COM